Descending Channel Chart Pattern
มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Bearish Channel มันประกอบไปด้วยเทรนด์ไลน์สองเส้นขนานซึ่งกันและกัน มีจุดที่เกิดlower highs และ lower low ที่อยู่ในทิศทางแนวโน้มขาลงอยู่ในระหว่างเส้นเทรนไลน์สองเส้น
ประกอบด้วยดังต่อไปนี้
Descending Upper Trendline หรือที่เรียกว่าmain trendline หรือ primary trendline(เทรนด์ไลน์หลัก)มันถูกเรียกเช่นนั้นเพราะมันเป็นตัวกำหนดแนวโน้ม ควรมีlower highs อย่างน้อยสองจุดขึ้นไป ถ้ามีมากกว่าจะยิ่งแม่นยำมากขึ้น
เส้นแนวโน้มหลักทำหน้าที่เป็นแนวต้านใน descending Channel pattern(รูปแบบช่องทางขาลง)
Descending Lower Trendline เรียกว่าchannel line หรือ secondary trendline(เทรนไลน์รอง)
สิ่งนี้วาดคู่ขนานกับเทรนด์ไลน์หลัก มันทำหน้าที่เป็นแนวรับในpattern นอกจากนี้ควรมีlower low ติดต่อกันอย่างน้อย 2 จุด ถ้ามากกว่านั้นบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่มากขึ้นในpattern
รูปแบบPatternนี้จะตรงข้ามกับรูปแบบ Ascending Channel Chart Pattern ที่เกิดในทิศทางตรงกันข้าม
ฺฺBreakout สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งใน upside(ทิศทางขาขึ้น) และ downside(ทิศทางขาลง)
หากราคาทะลุกรอบขึ้นไปด้านบนแสดงว่าแนวโน้มขาลงจบลงแล้ว และวัวเข้าหยุดหมี และแสดงสัญญาณซื้อ อย่างไรก็ตามหากการbreakout อยู่ในทิศทางขาลงแสดงว่ามีแรงขายเพิ่มขึ้นและบ่งชี้สัญญาณการขาย
Volume เช่นเดียวกับvolumeรูปแบบแผนภูมิอื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการยืนยันรูปแบบที่เกิดขึ้น สำหรับรูปแบบควรลดลงตามการก่อตัวของDescending Channel Chart Pattern และมีการเพิ่มขึ้นของVolumeหลังจากการbreakout
Price target(ราคาเป้าหมาย) สามารถวางเป้าหมายราคาหลังจากการbreakout อย่างไรก็ตามควรใช้ตัวชี้วัดอื่นๆพิจารณาร่วมด้วย เช่น Volume, MACD, ตัวบ่งชี้ความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (RSI) ฯลฯ
Duration(ระยะเวลา) การสร้างChanelPattern ใช้เวลาตั้งแต่สองสามสัปดาห์ถึงหลายเดือนหรือมากกว่านั้น ระยะเวลาที่มากกว่าจะถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่าระยะเวลาอันสั้น
ที่มา: http://tutorials.topstockresearch.com/ChartPatterns/Channel/DescendingChannel/TutorialOnDescendingChannelPatterns.html
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น