Hetalia: Axis Powers - Liechtenstein LuckYimm-Channel : 2019

Descending Channel Chart Pattern


มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Bearish Channel มันประกอบไปด้วยเทรนด์ไลน์สองเส้นขนานซึ่งกันและกัน มีจุดที่เกิดlower highs และ lower low ที่อยู่ในทิศทางแนวโน้มขาลงอยู่ในระหว่างเส้นเทรนไลน์สองเส้น
ประกอบด้วยดังต่อไปนี้

Ascending Channel Chart Pattern




 เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อว่ารูปแบบ Bullish Channel ขณะที่ราคาขยับขึ้น มันประกอบด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่ขนานกันซึ่งมีจุดhigher highs และ higher lows ทำให้เกิดช่องBullish Channelหรือ ช่องupside channel ราคาถูกจำกัดระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้น
ประกอบด้วยดังต่อไปนี้

Channel Chart Pattern คืออะไร



  Channel Chart Pattern เป็นรูปแบบของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างเส้นแนวโน้มสองขนานและมันง่ายมากที่จะสังเกตเห็นรูปแบบนี้ในแผนภูมิจริงโดยทั่วไปแชนเนลจะทำงานกับแนวรับและแนวต้าน มันประกอบด้วยชิ้นส่วนต่อไปนี้

ระบบเทรด Multi time frame จากที่สูง ลงสู่ที่ต่ำ

ระบบเทรด | Multi time frame จากที่สูง ลงสู่ที่ต่ำ | มองภาพกว้างดั่ง google maps
ระบบเทรด ” Multi time frame ” หรือย่อๆว่า MTF



กลยุทธ์ในการเทรด นี้ดียังไง

การมองMulti Time Frame หรือการมองหลายหน้าต่าง หรือ จะเป็นการมองจาก time frame ใหญ่ ลงมาระดับที่เล็กลง เป็นการมองที่เป็นระบบ ซึ่งเราจะโฟกัสที่ภาพกว้าง ทำให้เห็นถึงแนวโน้มต่างๆ ว่ากำลังอยุ่ในทิศทางใด Sideway, Uptrend, Downtrend

Swap Forex คืออะไร?


Swap Forex คืออะไร? สามารถเรียกว่า overnight interest ก็ได้ หากสรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ 
ค่าส่วนต่างที่โบรกเกอร์คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เราได้เปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน 
ซึ่งผลจากการคำนวณ เราอาจจะได้หรือเสีย โดยมีศัพท์ที่เรียกเป็นทางการคือ Rollove
ค่า swap ของแต่ล่ะโบรกเกอร์จะกำหนดไม่เหมือนกัน บางโบรกเกอร์ก็ไม่คิด นักลงทุนโดยส่วนใหญ่จะมองค่า swap ว่าเป็นเรื่องกะจิ๊บ เพราะเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืนแล้ว ผลคำนวณค่า swap จากกำไรหรือขาดทุนนั้นน้อยมาก แต่ก็อย่าชะล่าใจ หากเทรดได้ตามเป้าและไม่มีแผนอะไรแล้ว

Base currency, Quote currency, Cross Currency และ Exotic Currency คืออะไร?


Base currency คืออะไร?
ในบทความนี้เรามาดูความหมายของคำว่า Base currency เสียก่อนคำว่า Base currency มีความหมายว่า ค่าเงินพื้นฐาน ซึ่งก็คือค่าเงินตัวแรกของแต่ละคู่นั่นเอง เช่น GBP/USD = 1.51258 ซึ่งหากแปลความหมายแล้วจะมีความหมายว่ เงิน 1ปอด์น มีค่าเท่ากับ 1.51258 ดอลล่าร์นั่นเอง ดอลล่าร์ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นค่าเงินพื้นฐาน (base currency) ในการคำนวณ คือเราใช้เงิน 1USD เทียบกับค่าเงินอื่นในคู่อื่นๆนั้น แต่ยกเว้นค่าเงินเหล่านี้ เงินปอนด์ เงินยูโร เงินดอลล่าร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะใช้ค่าเงินตัวเองเป็นค่าเงินพื้นฐานในการคำนวณเป็นอย่างไรครับ แค่คำศัพท์คำแรกก็ทำให้คุณเข้าใจความหมายได้เพิ่มขึ้นมากเลยใช่ไหมครับ

Pip, Points, Lot คืออะไร?

Pip, Points, Lot คืออะไร?
Pip คือ จุดทศนิยมตัวสุดท้ายซึ่งถูกอ้างอิงจากราคาปัจจุบันของตลาด กำหนดให้มี 4ตำแหน่งที่ใช้กัน ในบางโบรกเกอร์อาจจะมีถึง 5ตำแหน่ งPip เป็นสิ่งที่บอกให้คุณรู้ว่าคุณได้กำไร หรือขาดทุน โดยทั่วไปการเพิ่มขึ้นของค่าเงินนั้นจะเรียกเป็น Pip ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.2250 ไปที่ 1.2251 นี่คือเคลื่อนที่ไป 1 pip  โดยแต่ละค่าเงินก็มีค่าของตัวมันเองมันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องคำนวนค่าของ Pip สำหรับค่าเงินนั้นๆ ค่าเงินที่ USD ขึ้นก่อน สามารถคำนวณได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

Leverage คืออะไร?


Leverage คืออะไร?
Leverage คือ จำนวนเปอร์เซนที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 1000$ เพื่อเปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 500 $เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหระที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการณ์นี้ก็น้ำมาใช้กับตลาดForex แต่โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด $1000 คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหระครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้น และตลาด

ประวัติของตลาด Forex



การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้เริ่มต้นขึ้นในปี1880เริ่มต้นใช้ระบบการเงินที่อ้างอิงจากทองคำซึ่งระบบนี้ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบการแลกเปลี่ยนแบบเดิมคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบนี้คือการมีอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ระหว่างสกุลเงินของประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่งไม่ว่าจะใช้รูปแบบวิธีการแลกเปลี่ยนแบบใดก็ตาม(ธนบัตรหรือเหรียญ)ระบบนี้ไม่เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินสองชนิดเท่านั้นทั้งยังช่วยควบคุมค่าเงินและทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำด้วย
ในศตวรรษที่ 20 ได้มีการเติบโตของธนาคารต่างชาติอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในอังกฤษมีบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ40กว่าๆ เฉพาะในลอนดอนในปี1922 และการซื้อขายเงินตราต่างประเทศประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในโลกเป็นการซื้อขายเงินปอนด์ในช่วงเวลานั้น นิวยอร์ค ปารีส และ

Bid Price, Ask Price, bid/ask spread คืออะไร


Bid Price คืออะไร
 คำที่สองที่มีความหมายที่น่าสนใจมากๆ คือคำว่า Bid price โดยคำนี้นั้นหมายความว่า เป็นราคาตลาด หรือราคาที่เราใช้ในการซื้อกันในตลาด forex ที่เป็นราคาปัจจุบัน โดยราคานี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของราคาที่มีการโชว์ให้เราเห็น เช่น ถ้าเป็น EUR/USD เป็น 1.31176/1.31233 ราคา Bid price คือตัวเลข 1.31176 นั่นก็คือ ราคาที่คุณจะขาย(sell)ที่โบรกเกอร์เสนอให้เรา Bid ใช้กับการเปิดการซื้อ-ขายแบบ short หรือ sell ความหมายของตัวอย่างนี้คือ เรา sell 1 ยูโรแล้วเราจะได้เงิน 1.31176 ดอลล่าร์

Ask Price คืออะไร

คำศัพท์คำแรกที่เราจะต้องศึกษาความหมายกันก่อนคือคำว่า Ask price ก็คือ ราคาที่คุณจะซื้อ(buy) ที่โบรกเกอร์เสนอให้เรา ask ใช้กับการเปิดการซื้อ-ขายแบบ long หรือ buy  ราคานี้จะมีค่าอยู่ในช่องทางขวามือของราคา เช่น EUR/USD เป็น 1.31176/1.31233 Ask Price คือ ราคา 1.31233  นั่นเอง ความหมายของตัวอย่างนี้คือ เราสามารถ buy 1 ยูโรโดยใช้เงิน 1.31233 ดอลล่าร์ บางทีเราก็เรียกราคาตรงนี้ว่า offer price ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นถนัดในการเรียกราคาแบบไหน

bid/ask spread คืออะไร

  คำศัพท์คำที่สามนี้คือคำว่า bid/ask spread คือส่วนต่างระหว่างราคา bid และราคา askโดยปกติแล้วเราจะเอาตัวที่อยู่หลังทศนิยมมาใช้ในการพูด เพราะว่ามันง่ายต่อการที่เราจะพูดและเขียนเพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิง ยกตัวอย่างเช่น USD/JPY 123.2323/123.4345 ก็จะนำมาเขียนให้อยู่ในรูปแบบนี้คือ 2323/4345 เป็นต้น
การนับ Spread จะนับค่าเป็น pip สเปรดเปรียบเหมือนค่าธรรมเนียมในการซื้อขายค่าอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละครั้ง โบรกเกอร์จะได้เงินจากส่วนต่างระหว่าง bid และ ask เพราะเราต้องเปิดการซื้อ(แบบ long)ที่ ask แต่เมื่อจะขายปิดการซื้อจะต้องขายที่ bid ครับ ส่วนการซื้อ-ขายแบบ short ก็ตรงข้ามกัน เช่น GBP/USD เป็น1.7445/1.7448  ราคา bid ของ GBP/USD คือ 1.7445 และ ราคา ask คือ 1.7448 ถ้าเราจะซื้อต้องซื้อที่ 1.7448 และถ้าจะขายปิดออเดอร์ต้องขายที่ 1.7445 แปลว่าเราต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 3 pips และต้องจ่ายทุกๆครั้งในการเปิดออเดอร์ครับ การเข้าออเดอร์ไม่ว่าจะ BUY หรือจะ SELL ในตอนแรกออเดอร์ของเราจะติดลบก่อน ซึ่งนั่นมาจากค่า Spread หรือช่องกว้างระหว่าง Bid และ Ask โดยเราจะต้องเสียค่า Spread เป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับทางโบรกเกอร์ นี่คือสิ่งที่ทำให้โบรกเกอร์รวย ดังนั้น การเปิดการซื้อขายแต่ละครั้งต้องคิดเผื่อการจ่ายค่า สเปรด ด้วยยิ่งสเปรดต่ำจะยิ่งดี
ประโยชน์ของการอ่านค่าเหล่านี้เป็น
  เมื่อคุณสามารถอ่านค่าและเรียกความหมายของคำข้างต้นนี้ได้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้คุณนั้นสามารถอ่านค่าที่มีการทำนายต่างๆในอินเทอร์เน็ตของคู่เงินตามเว็บไซต์ดังๆอาทิเช่น เว็บไซต์ forexfactory.com เป็นต้น ซึ่งถ้าเรานั้นไม่เข้าใจความหมายเลยก็จะส่งผลให้เมื่อเรานั้นเจอคำเหล่านี้เราก็จะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการทำเงินได้อย่างเหลือเชื่อเลยก็ได้นะครับ

ข้อควรระวัง

1.อย่าจำตำแหน่งของการใช้คำสับสน ผมยอมรับว่าคำว่า bid และ ask นั้นอาจทำให้คุณมีความสับสนขึ้นมาได้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันจะต้องดูจากทางช่องทางซ้ายหรือช่องทางขวาอย่างนี้เป็นต้น ให้จำว่า “ bid/ask ” และ “ sell/buy ”
2.จงเรียนรู้ความหมายจากประสบการณ์จริง เพื่อให้คุณสามารถเทรดและเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น ผมแนะนำให้คุณนั้นทำการทดลองเทรดจริงและเรียนรู้จากประสบการณ์ของจริงเลยน่าจะดีที่สุด ไม่นานประเดี๋ยวก็ชำนาญเองครับ
พอทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าคุณสามารถแปลความหมายของคำเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องมันก็จะสามารถช่วยให้คุณนั้นทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ และแนวทางในการเทรด forex ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ เป็นการเพิ่มโอกาสในการทำเงินของคุณอย่างง่ายๆเลยครับ

คุณมีสไตล์การเทรดแบบไหน



  สไตล์การเทรด หรือวิธีการเทรดนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเทรดด้วย สไตร์การเทรดของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามเอกสักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคลในบทความนี้เราจะมาเน้นกันที่สไตร์การเทรดว่ามีแบบไหนกันบ้าง และเช็คตัวคุณเองว่ามีหรือไม่มีคุณสมบัติใด และคุณควร หรือ ไม่ควรเทรดแบบไหน อะไรที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด ซึ่งเราจัดเทรดเดอร์ ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ตารางค่าเฉลี่ย Volatility (Pips)